ฮอร์โมนชนิด
|
ประโยชน์ |
ข้อควรระวัง |
|
- ใช้รักษาอาการขาดฮอร์โมนทั้งด้าน ร่างกายและจิตใจได้ดี
- ใช้รักษาและป้องกันภาวะกระดูกบาง /กระดูกพรุน
|
- อาจมีอาการข้างเคียง เช่น ตึงคัดเต้านม หรือคลื่นไส้อาเจียน
- อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ ถ้าลืมรับประทานยา
|
|
- ช่วยลดอาการปัสสาวะกะปริดกะปรอย, กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- ลดอาการช่องคลอดแห้ง และคันช่องคลอด
|
- ไม่ช่วยป้องกันกระดูกบาง / กระดูกพรุน
- ลดอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกไม่ได้
- ใช้นานต้องระวังเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว
|
|
- ได้ผลเท่ากับยาเม็ดรับประทานในการรักษาอาการขาดฮอร์โมน
และป้องกันภาวะกระดูบาง / กระดูกพรุน
- บริหารยาได้ง่าย หยุดใช้ยาได้ง่าย เพียงดึงแผ่นแปะออก
|
- สตรีบางคนจะมีอาการแพ้คันบริเวณที่แปะแผ่นยา
- ถ้ายังมีมดลูกอยู่ต้องได้รับโปรเจส
เตอโรนร่วมด้วยเสมอ
|
<:: ฮอร์โมนทดแทนชนิดรับประทาน ::>
วิธีการให้ฮอร์โมนทดแทนแบบมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน
ในหนึ่งรอบเดือนมีวิธีการให้อยู่ 3 วิธี การที่ท่านจะได้รับฮอร์โมนทดแทนรูปแบบใดนั้นขึ้นกับข้อพิจารณาของแพทย์
และความต้องการของท่าน
<:: แบบมีประจำเดือนออกเป็นรอบทุกเดือน
::>
วิธีการให้ยาแบบนี้จะได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเป็นรอบๆ
โดยทั่วไปจะได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 21
ของรอบรักษาและได้รับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในวันที่ 12 หรือ 13 นับจากวันที่เริ่มต้นรับประทานยา
จากนั้นก็หยุดยาฮอร์โมนทั้งสองชนิดเมื่อได้รับยามาครบ 21 วัน หลังจากหยุดรับประทานยา
จะมีเลือดออกจากทางช่องคลอดในระหว่างวันที่ 22 ถึงวันที่ 28 ของรอบรักษา
โดยมากกว่าร้อยละ 90 ของสตรีที่ใช้วิธีการรักษาแบบนี้จะมีเลือดออกระหว่างรอบการรักษารอบแรกกับช่วงเริ่มต้นของรอบถัดไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อสตรีอายุมากขึ้นและมีการใช้ยาฮอร์โมนทดแทนแบบนี้มาเป็นเวลานาน
เลือดที่ออกจะมีปริมาณน้อยลงหรืออาจไม่มีเลือดออกในที่สุด
<:: แบบได้รับฮอร์โมน แอสโตรเจนต่อเนื่องและได้รับโปรเจสเตอโรนเป็นช่วงๆ
::>
วิธีการนี้จะได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนทุกวันตลอดการรักษา
และได้รับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นเวลา 12 ถึง 14 วันต่อเดือน วิธีการนี้จะทำให้สตรีมากกว่าร้อยละ
90 มีเลือดออกจากช่องคลอดเป็นรอบทุกเดือน
<:: แบบได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนร่วมกันทุกวัน
::>
วิธีการนี้จะได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนควบคู่กันทุกวัน
การได้รับยาวิธีนี้จะทำให้สตรีนั้นไม่มีเลือดออกทางช่องคลอดเมื่อใช้ยาต่อเนื่องกัน
2 - 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งทำให้สตรีนิยมที่จะได้รับยาในรูปแบบนี้ เนื่องจากสะดวกสบายกว่าการที่จะต้องมีเลือดออกทุกรอบเดือน
|