สตรีคุณภาพของสังคมและตัวแทนภาพลักษณ์ของสาวทำงานในยุคใหม่ กับแนวความคิดร่วมสมัยที่ถูกถ่ายทอดผ่านผลงานทางด้านสาธารณกุศลต่างๆ รวมทั้งงานพัฒนาองค์กรตั้งแต่ระดับใหญ่มาจนถึงระดับย่อย จากการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา แม้ท่านจะไม่ได้รับเลือกตามการตัดสินด้วยคะแนนเสียง แต่ดร.คุณหญิงกัลยาก็ยังคงอยู่ในหัวใจของคนกรุงเทพฯ อีกจำนวนมาก จากผลงานเด่น ๆ ที่ท่านภาคภูมิและมักจะกล่าวถึงเสมอ ได้แก่ โครงการที่เริ่มเพื่อถวายในหลวงเนื่องใน วโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยการเชิญชวนคนไทยทุกคนทุกระดับเพื่อปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการศึกษาที่เป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ เพื่อการพัฒนาคนให้มีความรับผิดชอบ |
ดร.คุณหญิงกัลยา :
ที่เห็นความสำคัญส่วนนี้ เพราะส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ของตัวเองว่าเราเป็นคนหนึ่งที่เป็นเด็กบ้านนอก
เป็นคนหนึ่งในกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศที่เกิดมาในชนบทที่ประสบปัญหาทางการขาด-แคลน
แห้งแล้งและอดยาก ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ จากตรงนี้ก็ทำให้เราได้ยืนยันความคิดของเราว่าการพัฒนาประเทศได้
มีแต่การศึกษาเท่านั้นเองที่ช่วยให้ตัวเราอยู่รอด อยากสร้างคนไทยให้มีคุณภาพชีวิต
|
เริ่มชีวิตของการเป็นผู้หญิงทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ ดร.คุณหญิงกัลยา : เริ่ม 2513 ตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ ก็เริ่มอาชีพในการเป็นครู เมื่อแต่งงานก็ไปอยู่เมือง-นอกและกลับมาประเทศไทยอีกครั้งประมาณปี 2520 เวลาผ่านไปเมื่อลูกโตขึ้นก็เริ่มทำงานให้สังคม สำหรับดิฉันเองค่อนข้างจะแตกต่างจากผู้หญิงทำงานทั่วไป คือเป็นสาวทำงานที่มีแต่เสียเงิน (หัวเราะ) เพราะต้องออกจากบ้าน เข้าสังคมก็ต้องแต่งตัว แต่มีสามีคอยสนับสนุน ถ้าขาดตรงนี้ผู้หญิงแม้จะมีความตั้งใจขนาดไหนก็อาจจะทำไม่ได้ในแง่ของการทำงานเพื่อสังคม เวลาที่ผ่านมาลูก ๆ เริ่มโตเราก็เริ่มมีเวลามากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเรียกได้ว่ามีอาชีพรับจ้างช่วยคนอื่น เพราะเข้าร่วมเป็นกรรมการในโครงการต่าง ๆ ถึง 20-30 โครงการ ทุก ๆ โครงการที่ดีและทำประโยชน์ให้กับสังคมเราก็รับมา ความประทับใจในการทำงานช่วงไหนมากที่สุด ดร.คุณหญิงกัลยา : มีความภาคภูมิใจทำงานในโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ซึมซับอะไรมากมายจากการเรียนรู้ ซึ่งภาคภูมิใจมาก อีกส่วนหนึ่งคือ การปลูกต้นไม้ทดแทนให้แผ่นดิน เพราะสำนึกว่าตัวเองเป็นคนไทย เกิดบนแผ่นดินไทย เราได้เชิญชวนให้คนไทยร่วมกันสร้างสมบัติให้กับแผ่นดินมาถึง 15 ปีแล้ว ส่วนที่ 3 คือภูมิใจที่แตกต่าง เนื่องจากเป็นนักคิด จบวิทยาศาสตร์มีโอกาสช่วยทางด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ ตลอดเวลาตั้งแต่กลับมาจนถึงปัจจุบัน ได้ทำงานในหลาย ๆ ด้าน สิ่งที่ทำให้ท้อแท้ในการทำงาน ดร.คุณหญิงกัลยา : การทำงานทุกอย่างมีปัญหาตลอดเวลา ถ้าไม่ทำงานก็คงไม่มีปัญหา แต่ยึดหลักพื้นฐานความคิดที่ว่าเราทำดีที่สุดทุก ๆ ขณะที่เราทำงาน เลยทำให้ไม่ค่อยหนักใจหรือผิดหวัง เราได้ทำเต็มที่ ถึงผลที่ออกมาได้ไม่เต็มร้อยอย่างที่เราคาดหวัง เราก็ต้องเข้าใจในสัจธรรม เงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีอยู่ในทุกเรื่อง เราก็พอใจแล้วว่าเราได้ทำอย่างเต็มที่และประเด็นที่สำคัญที่สุดที่ไม่ทำให้เราเคยหนักใจ และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเรียบร้อยด้วยความไม่เป็นกังวล คือเราไม่ได้หวังผลงาน เราไม่มีเจ้านาย ไม่ต้องเอาผลงานไปเสนอใคร ตรงนี้ทำให้เราภาคภูมิใจและเกิดความภูมิใจเล็ก ๆ ในส่วนของตัวเอง ความไม่สำเร็จของงาน ดร.คุณหญิงกัลยา : ไม่คิดว่าล้มเหลว เพราะความตั้งใจของการทำงานที่มีเงื่อนไข มันจะได้ผลกลับมามากหรือน้อยมากกว่า ไม่ได้คิดว่าล้มเหลวและประสบการณ์การเรียนรู้เหล่านี้ส่งผลดีให้กับครอบครัว ซึ่งคิดเป็นเงินหรือมูลค่าไม่ได้ ลูกก็ได้ประโยชน์จากการติดตามเราออกไปทำงานด้วย มีคนถามว่าสอนลูกอย่างไร เราบอกว่าทำดีให้เขาดูเป็นตัวอย่าง เมื่อเกิดปัญหา มีการคิดเป็นลำดับขั้นตอนในการแก้อย่างไร ดร.คุณหญิงกัลยา : ดิฉันเป็นคนที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ เพราะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ตอนที่ทำปริญญาเอกที่นั่นก็สอนให้เรายิ่งเป็นคนที่มองปัญหา เราก็จะแก้ปัญหาไปเป็นขั้นตอน ในด้านจิตใจก็ได้สนทนาพูดคุยกับพระสงฆ์องเจ้าที่เป็นที่นับถือ ทำให้เราเห็นว่า ท่านเหล่านั้นเป็นตัวอย่างได้ ทำให้ใจเราสงบ แต่ไม่ได้เคร่งศาสนาถึงขนาดต้องไปวัดเพื่อทำสมาธิ แต่ยึดหลักที่ว่าควรทำงานอย่างมีสมาธิมากกว่า และมีความเชื่อว่าทุกปัญหามีทางแก้ไขได้ ไม่มีอะไรเป็นปัญหาโลกแตก ถ้าแก้ได้ก็แก้ไป แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องยอมรับความจริง ยอมรับคน เข้าใจคน ยิ่งนานวันยิ่งทำงานมากก็ยิ่งแข็งแกร่งในการทำงานมากขึ้น นิยามของตัวเอง ดร.คุณหญิงกัลยา : ผู้หญิงโดยทั่วไปต้องมีความอดทนสูง เพราะต้องมีลูก ต้องมีความอดทนต่อความเจ็บปวด รับผิดชอบต่อครอบครัวและต้องมีการบริหาร และจัดการกับครบครัวได้ จึงกลายเป็นคนที่ทำงานหลายด้านได้ในเวลาเดียวกัน ตัวเองจะเป็นผู้หญิงทำงาน เป็นนักคิด นักบริหารและนักปฏิบัติงานที่สู้งาน และไม่ท้อถอย มาเล่นการเมืองแล้วตัวเองเปลี่ยนไปหรือไม่ ดร.คุณหญิงกัลยา : ในภาพใหญ่คงไม่เปลี่ยนเพราะงานการเมืองเป็นงานสืบเนื่องจากงานที่ทำมา ค้นพบว่ามนุษย์เราสามารถที่จะผลักดันตัวเองได้ไกลกว่าที่ตัวเองจะคิดได้มาก ถ้าเลือกได้ คิดว่าอยากให้ตัวเองประสบความสำเร็จในด้านในมากที่สุด ดร.คุณหญิงกัลยา : อยากให้ครอบครัวสำเร็จ ดูแลลูกและเป็นคนดี เรียนหนังสือและเป็นครอบครัวที่อบอุ่น อยากให้ตัวเองมีส่วนในสังคมที่ดีขึ้น แบบอย่างของผู้หญิงในชีวิต ดร.คุณหญิงกัลยา : มีหลายระดับและหลายช่วงอายุ เมื่อเด็ก ๆ ก็จะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง พอโตมาเรียนหนังสือก็เป็นครู อาจารย์ ในลักษณะของการเมืองก็เป็นผู้หญิงต่างประเทศที่เป็นนักการเมืองที่เห็นว่าเขาทำสำเร็จมาก อย่างมากาเร็ต แท็ชเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษอย่างต่อเนื่องถึง 8 ปี และเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วย เขาสามารถนำประเทศไปสู่สงครามโฟด์แลนด์ เป็นความสามารถที่ผู้ชายบางคนอาจจะไม่กล้าตัดสินใจก็ได้ ถ้าแง่การเมือง ผู้หญิงคนนี้เป็นนักการเมืองในดวงใจของดิฉัน และเป็นต้นแบบทางด้านการเมือง ผู้หญิงไทยปัจจุบันควรจะปรับตัวเองอย่างไรบ้าง ดร.คุณหญิงกัลยา : การปรับตัวของเราอาจจะช้า แต่ผู้หญิงไทยเราได้รับความเสมอภาคมานานแล้วโดยไม่ต้องเรียกร้อง โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษา มีเพียงแต่หญิงไทยที่ถูกสอนให้ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แต่งงานและมีลูกเท่านั้น อย่างไรก็ตามโลกก้าวหน้าขึ้น ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสมากขึ้น จะเห็นว่าเราเริ่มมีบทบาทกันมากขึ้น ส่วนใหญ่จะได้มาจากการศึกษา จะเห็นว่าผู้หญิงจีนเมื่อสมัยก่อนจะไม่ได้เรียนหนังสือ หรือผู้หญิงไทยก็เช่นกัน หน้าที่คือมีลูกและดูแลครอบครัว แต่ตอนนี้โอกาสมีมากขึ้น ก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้หญิงและเยาวชนรุ่นหลัง
|
อยากให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงเป็นแบบใด ดร.คุณหญิงกัลยา : จะขอพูดถึงในระยะสั้น 5-10 ปีข้างหน้านี้ อยากเห็นคนไทยมีการศึกษา ก้าวหน้า ไม่ใช่ทางด้านวัตถุ แต่เป็นพัฒนาทางด้านสติปัญญาทุกด้านของสังคม เราจะอยู่ในโลกยุคใหม่ไม่ได้ ถ้าคนไทยส่วนใหญ่มีความรู้น้อย หรือไม่เท่าเทียมกัน อยากเห็นตรงนี้ในอนาคตอันใกล้นี้ อยากให้เขาเรียนรู้โดยวิธีการของตัวเอง มีคำพังเพยของเราสมัยก่อนที่ว่า "ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งโตยิ่งเซ่อ" คนสมัยใหม่อาจคิดว่าไม่จริง แต่ภูมิปัญญาชาวบ้านมีความหมายลึกซึ้ง คือยิ่งเราเรียนมากเท่าไหร่ เราก็จะรู้ว่าสิ่งที่เรายังไม่รู้อีกมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น อันนี้เป็นสิ่งที่อยากจะสะท้อนให้เห็นว่าเราหยุดไม่ได้ จึงมีคำพูดที่ว่าสังคมเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ฉะนั้น การเรียนการสอนต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย และนี่เป็นความมุ่งมั่นที่อยากจะทำการเรียนรู้แบบใหม่ให้ทันโลก แบ่งเวลาให้กับครอบครัวอย่างไรบ้าง ดร.คุณหญิงกัลยา : ตอนลูกเล็ก เวลาจะน้อยมาก พอลูกโตแล้วก็มีเวลามากขึ้น การแบ่งเวลาเกิดขึ้นตามเหตุการณ์ เพราะเรามีสติปัญญา ความคิดความอ่าน จึงทำให้เราบริหารเวลาได้อย่างเหมาะสมและเราอยู่กับลูก เมื่อลูกโตก็จะให้เวลากับสังคมมากขึ้น บุคลิกภาพในงานสังคมมีวิธีการวางตัวอย่างไร ดร.คุณหญิงกัลยา : สังคมมีความแตกต่างกันออกไป เราต้องเรียนรู้ อย่างลูก ๆ ตามเราไปที่ต่าง ๆ ค่อนข้างบ่อย เขาก็จะปรับตัวสำหรับตัวเอง ชีวิตเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก การปรับตัวอาจจะเป็นหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้ แต่เราเข้าใจและสามารถปรับตัวได้อย่างไม่เขอะเขิน การดูแลสุขภาพ ดร.คุณหญิงกัลยา : ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ทำสม่ำเสมอ เช่น เล่นกีฬา ร่างกายจึงแข็งแรง เวลาทำงานจึงไม่มีปัญหา ถึงแม้จะต้องออกเดินไปที่ไกล ๆ ก็เป็นการออกกำลังกายเพื่อเตรียมพร้อมด้วย ส่วนอาหารการกินก็ธรรมดา ไม่เคยลด อดอาหาร อายุมากขึ้นก็ทานผักผลไม้มากขึ้น ส่วนอาหารเสริมไม่ทานเป็นคนไม่ทานยาเสริมด้วยค่ะ ดูแลผิวพรรณอย่างไร ดร.คุณหญิงกัลยา : เป็นคนโชคดีที่ไม่เป็นสิว เป็นคนที่ไม่ล้างหน้าด้วยสบู่ จนกระทั่งจบมหาวิทยาลัยแล้ว จึงเริ่มแต่งหน้า ตอนนี้ผิวหน้าแย่ลง ก็ต้องมีครีมบำรุงอะไรบ้าง เพราะเราอายุมากขึ้น อาจจะมีครีมกันแดด เพราะเราไม่ใส่หมวก ไม่กางร่ม แต่ใช้เวลาในการแต่งตัวนานมาก ก็เพราะเราเป็นผู้หญิงก็คงต้องรักสวยรักงามบ้าง กิจกรรมที่ทำให้มีความสุข ดร.คุณหญิงกัลยา : เวลาอยู่ในห้องสุขา (หัวเราะ) อาบน้ำไปร้องเพลงไป ใช้เวลาตอนอาบน้ำคิดเรื่องอื่น ๆ ไปด้วย หนังสือที่ชอบอ่าน ดร.คุณหญิงกัลยา : เด็ก ๆ ชอบอ่านนิทานอีสป ชอบอ่านหนังสือเรียนมากกว่าหนังสืออ่านเล่น ชอบอ่านที่เป็นสาระมากกว่า พอโตขึ้นก็อ่านนิยายบ้าง เช่น สืบสวนสอบสวนบ้าง ช่วงนี้กลายเป็นการอ่านพวกนโยบายการแก้ปัญหาต่าง ๆ มากกว่า สีกับการแต่งกาย ดร.คุณหญิงกัลยา : เป็นคนที่ชอบทำตัวคล้อยตามสถานที่ที่จะไป อย่างเช่นไปงานสโมสรราชพฤกษ์ก็จะใส่สีเขียว สถานที่ช้อปปิ้ง ดร.คุณหญิงกัลยา : ไม่ค่อยได้ไป แทบจะไม่ค่อยมี อาหารจานโปรดที่ชอบรับประทาน แต่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดร.คุณหญิงกัลยา : คิดว่า พวกขนมไทยที่มีกะทิ พวกนี้ชอบค่ะ ถ้าเปรียบเทียบตัวเองเป็นดอกไม้ ดร.คุณหญิงกัลยา : เป็นคนชอบกุหลาบ แต่ไม่เลือกเป็น สถานที่ที่อยากไปมากที่สุด ดร.คุณหญิงกัลยา : อยากไปเที่ยวทะเล อาจจะมาจากที่เราเป็นคนอีสานมาจากที่ดอน ก็เลยชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติ
|