ชื่อ พิสมัย วิไลศักดิ์ เป็นชื่อจริง นามสกุลจริงที่ใช้มาตั้งแต่แสดงภาพยนตร์ สมัยนั้นเขาจะมีฉายาของดารา ส่วนเราเขาเรียกว่า "ดาราเงินล้าน" โดยคุณเชิด ทรงศรี ตั้งให้เพราะเล่นเรื่องไหนสามารถทำเงินล้านได้ทุกเรื่องที่แสดง
           พี่เริ่มเป็นนางเอกตั้งแต่เรื่องแรกที่เล่นเลย คือเรื่องการะเกด เป็นหนังสมัย 16 มม. ตอนนั้นเขาต้องการนางเอกที่รำได้ พอดีกับเรามีความสามารถในการรำฉุยฉายพราหมณ์ได้ ส่วนคุณอิงอรที่เป็นเจ้าของบทประพันธ์ ก็รู้ว่าเรารำละครได้เพราะเรียนมาทางด้านนาฏศิลป์ พอจบออกมาก็ได้เข้าวงการภาพยนตร์มาตลอด ส่วนงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับที่เรียนมาก็ได้ทำบ้าง เช่น เมื่อก่อนที่จะมีภาพยนตร์ฉายก็จะมีรำโชว์หน้าม่านบ้าง บางทีก็ช่วยงานการกุศล และรำหน้าพระที่นั่งฯ

 

รางวัลตุ๊กตาทองที่ได้รับจากการแสดง
< คุณพิสมัย > ได้จากภาพยนตร์เรื่อง "ดวงตาสวรรค์" เป็นบทของนางเอกที่ค่อนข้างจะร้าย และดาราประกอบหญิงยอดเยี่ยมของ ยุทธนา มุกดาสนิท จากเรื่อง เงิน เงิน เงิน
 
เป็นนางเอกมาทั้งหมดกี่เรื่อง
< คุณพิสมัย > คิดว่าเป็นร้อย ๆ เรื่องแล้วค่ะ และมาเริ่มงานละครครั้งแรกในเรื่อง "ห้องที่จัดไม่เสร็จ" ของ กฤษณา อโศกสิน แต่หลายครั้งหลายหนคนเชิญเล่น ก็ไม่ค่อยอยากจะเล่นเท่าไร เพราะเรามีปัญหาเรื่องของเสียง ถ้าเป็นหนังนี่จะมีคนพากย์ คือ คุณจุรี โอศิริ พากย์อยู่ ตัวเองเป็นคนที่เสียงไม่เพราะ แต่เพื่อน ๆ นักแสดงหลายคนก็สนับสนุนบอกว่าให้เล่นเถอะ พอมาเริ่มเล่นเข้าครั้งหนึ่งคนดูก็เริ่มชินหู พอมาเล่นหนังก็เลยต้องพากย์เอง
 
ต้องฝึกเสียงใหม่หรือเปล่า
< คุณพิสมัย > ไม่ต้องค่ะ เพราะตอนเล่นละครวิทยุก็ต้องเรียนมาทางด้านการให้น้ำหนักเสียงอยู่แล้ว แต่ก็เคยร้องเพลงและมีวงดนตรีค่ะ แต่ร้องเพลงก็เป็นอีกเสียงหนึ่ง เพราะเราหลบเสียงร้องได้
 
ตั้งแต่เป็นดารามา บทที่คิดว่าเข้ากับเรามากที่สุด คือ
< คุณพิสมัย > ส่วนใหญ่จะเป็นบทชีวิตค่ะ
 
ทำไมถึงคิดว่าเป็นบทนี้
< คุณพิสมัย > คนที่เห็นคนแรกคือ คุณวิจิตร คุณาวุฒิ โดยปกติแล้วตอนนั้นก็ค่อนข้างจะเป็นคนที่เฉย ๆ เรียบ-ร้อย ไม่ค่อยพูด แต่เล่นหนังแล้วส่วนใหญ่จะได้รับผลตอบรับที่ออกมาดี
 
มีธุรกิจอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากงานแสดงหรือเปล่า
< คุณพิสมัย > ไม่มีค่ะ เพราะคิดว่าส่วนที่เราทำเองไม่ได้ เราก็จะไม่ทำ ไม่อยากใช้ความคิดของคนอื่น ๆ ถ้าลงทุนทำอะไรไปในสิ่งที่เราไม่รู้จริงอีกหน่อยก็จะแย่ จะไม่ได้นึกถึงเรื่องธุรกิจ เป็นคนสมถะ มีน้อยใช้น้อย มีก็ใช้ ไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรเพิ่ม เพราะอายุเราก็เท่านี้แล้ว ในชีวิตประจำวันก็เป็นคนที่ทำอะไรเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะขับรถ ดูแลบ้าน เราไม่มีบุคลากรที่จะมาช่วยงานด้านอื่น ๆ ค่ะ ก็ดีอย่างคือ การทำอะไรเองจะช่วยทำให้เราแข็งแรง เป็นการออกกำลังกายไปในตัว
 
ตอนนี้พักกับครอบครัวหรือเปล่า
< คุณพิสมัย > ไม่มีค่ะ อยู่คนเดียว
 
ช่วงพักผ่อนให้ตัวเอง
< คุณพิสมัย > ส่วนใหญ่จะไปช้อปปิ้ง หรือจะไปต่างจังหวัด บางทีก็ชวนป้าจุ๊ (จุรี โอศิริ) ไปทานข้าวและกลุ่มเพื่อนดาราในวัยเดียวกัน พบปะและพูดคุยกันบ้าง
 
เล่นกีฬาบ้างไหม
< คุณพิสมัย > ก็ไม่ค่อยได้มีเวลานัก อย่างตอนสาว ๆ ก็ได้เล่นโยคะบ้าง จริง ๆ แล้วไม่ค่อยได้ไปแต่งเติมเสริมความงามกับเขาเท่าไหร่ คือจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าว่างจะชอบไปนวดแผนโบราณมากกว่า
 
ปัจจุบันก็ยังดูไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ มีเคล็ดลับอย่างไร
< คุณพิสมัย > จะเช็คร่างกายทุก 2-3 เดือน ถ้าเริ่มรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ ก็จะไปให้หมอเช็คอย่างสม่ำเสมอค่ะ
 
กิจวัตรประจำวันมีอะไรบ้าง
< คุณพิสมัย > ส่วนใหญ่เป็นงานละคร ตื่นเช้ามาอาบน้ำ แต่งหน้าเสร็จก็ไปกองถ่าย บางทีก็ทำผมเองเตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเลย คือค่อนข้างจะเตรียมพร้อมเองทั้งหมด บางทีไปเช้าก่อนเวลา คนในกองถ่ายก็แซวว่า มาช่วยจัดไฟเหรอ…มาเช้าเชียว (หัวเราะ) แต่ค่อนข้างจะเตรียมตัวเองทั้งหมด ถ้าทางกองถ่ายต้องการเพิ่มอะไรก็ให้เขาแต่งเติมเอาทีหลัง เป็นคนค่อนข้างจะสบาย ๆ
 
เคล็ดลับในการดูแลใบหน้า
< คุณพิสมัย > ไม่มีอะไรมากค่ะ หลังอาบน้ำก็ทาบอดี้โลชั่น
 
อ่านต่อด้านบน    >   >>      
ทานอาหารเสริมอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า
< คุณพิสมัย > จะเป็นคนที่ทานฮอร์โมนไม่ได้ค่ะ แต่ทานแคลเซียมและโสม ซึ่งทานมาตั้งแต่อายุ 30 แล้ว ตอนที่เป็นนางเอกสมัยสาว ๆ ผลิตภัณฑ์เสริมความงามยังไม่มีมากมายเท่าสมัยนี้ เราก็ทานแต่โสมมาตลอด ทางร้านขายยาจีนเขาจะหั่นมาให้ เราก็เอามาคั่วแล้วไปตุ๋นทาน หรือถ้าคนทานเหล้าได้ก็เอาไปแช่ในบรั่นดี แต่จะทานได้ในเฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น เพราะถ้าเป็นหน้าอื่นจะร้อนเกินไป จะเห็นว่าเราไม่ค่อยจะเจ็บป่วย แม้อายุมากขนาดนี้แล้วและการที่เราไม่มีคนรับใช้ มันก็จะช่วยให้เราคล่องตัวมากขึ้นเพราะจะทำอะไรเอง
 
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อเข้าสู่วัยทองมีอะไรบ้าง
< คุณพิสมัย > ก็มีเรื่องของอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ ด้วย ตอนแรกก็ไปหาหมอก็ได้วิตามินทานเสริมบ้าง แต่พวกอาหารเสริมจริง ๆ แล้วไม่ค่อยกล้าทานเท่าไหร่ คือต้องได้คำแนะนำจากแพทย์ก่อน อย่างยาลดความอ้วนหรืออื่นๆ ร่างกายตัวเองจะไม่ค่อยรับ ถ้าทานแล้วมีผลก็จะเลิกทานไปทันที
 
อารมณ์เปลี่ยนจากเดิมหรือไม่
< คุณพิสมัย > ตรงนี้กลัวมากค่ะ กลัวว่าจะหงุดหงิดแบบเลือดจะไปลมจะมา จะพยายามไม่หงุดหงิดเลย จะพูดตลกทำให้ตัวเองสนุก เรารู้ว่านิสัยและอารมณ์เราไม่ดี ก็จะเป็นผลเสียในการทำงาน แต่ปกติแล้วจะเข้ากับเด็กๆและสังคมในที่ทำงานเราได้ อยากจะเต้นรำกับเด็ก ๆ ก็เต้น ทำได้ด้วยความสบายใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคิดว่าอยู่ที่จิตใจค่ะ คือไม่รู้จะเครียดไปทำไมค่ะ (หัวเราะ)
 
สิ่งที่ทำให้เราหงุดหงิดได้ง่าย
< คุณพิสมัย > ไม่ชอบจุกจิก จะง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่ค่อยมีปัญหากับการทำงาน
 
ชอบทานอาหารประเภทไหน
< คุณพิสมัย > อาหารไทย แต่อย่างอื่น ๆ ก็ทานได้ มีอะไรก็ทานอย่างนั้น กินได้ซ้ำซาก ถือเป็นโชคดีที่ไม่ต้องวุ่นวายกับชีวิตเรามาก รับได้ทุกอย่าง ที่โชคดีเพราะเราไม่มีปัญหาจากคนรอบข้างเท่าไหร่
 
เหงาบ้างไหม
< คุณพิสมัย > คนส่วนใหญ่จะถามคำนี้ มันอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าบอกว่าตัวเองเหงา เราก็เหงา แต่ถ้าบอกตัวเองว่าไม่เหงา มันก็ไม่เหงา ของอย่างนี้อยู่ที่ใจ เราก็ออกไปหาเพื่อน เดี๋ยวก็งานวันเกิดเพื่อนบ้าง เราต้องพยายามหัดที่จะอยู่คนเดียวให้ได้
 
มีคนดูแลบ้างหรือเปล่า
< คุณพิสมัย > ไม่มีค่ะ เวลาไม่สบายก็ไปเอง อย่างไปหาหมอตอนที่ป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดี หมอก็บอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ให้มาผ่าได้เลย เราก็บอกเนี่ย พร้อมแล้ว หมอก็ตกใจถามว่าแน่หรือเปล่า … เราก็บอกว่าได้ทันที ก็ขออนุญาตหมอไปบ้านเก็บของมาเพื่อรอการผ่าตัดในวันนั้นเลย บางคนต้องทำใจก่อน แต่เราไม่เลยพร้อมตลอด หมอบอกว่า คุณพิสมัยนี่อารมณ์ดีจังเลย…พอผ่าเสร็จเราก็ขับรถกลับบ้านเองอย่างสบาย ไม่เป็นอะไรมากเลย
 
สิ่งที่กลัวที่สุดเมื่อเข้าสู่วัยทอง
< คุณพิสมัย > กลัวไม่มีแรง
 
ปัญหากลับชีวิตด้านอื่น
< คุณพิสมัย > ถ้ามีปัญหา ก่อนอื่นคนเราต้องมีสติ ส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ส่วนปัญหาอื่น ๆ ก็ปรึกษาเพื่อนสนิท แต่เราต้องมานั่งพิจารณาว่าปัญหาเราต้องแก้เอง อาจจะมีบ่นให้เพื่อน ๆ ฟังบ้าง แต่คนที่จะบอกให้เราทำอะไรได้ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง
 
ถ้าวันหนึ่งไม่ได้แสดงละครแล้ว
< คุณพิสมัย > ไม่เคยได้กะเกณฑ์ คิดว่าอะไรจะเกิดก็ให้เกิดไป เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งไม่มีงานเลย แต่ก็ไม่เคยลำบากมาก ไปได้เรื่อย ๆ ถ้าไม่มีก็คือไม่มีก็อยู่เฉย ๆ ได้ เกิดมาต้องสู้ต้องมีสติทำตัวให้อยู่ได้ ให้มีคุณค่าในภาวะที่เราเป็น
 
เชื่อเรื่องดวงไหม
< คุณพิสมัย > คิดว่าไร้สาระ คนเราก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เราไม่ใช่คนเที่ยวเตร่ มีใช้ให้พอดี
 
บทที่คิดว่าจะไม่เล่นคือ
< คุณพิสมัย > บทเปลือยค่ะ (หัวเราะ)
 
คติประจำใจในการดำเนินชีวิต
< คุณพิสมัย > ไม่มีข่าวในทางเสื่อมเสียก็พอแล้ว เป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กรุ่นหลัง ไม่กล้าที่จะทำอะไรนอกลู่นอกทางเพราะเด็กก็ยังเรียกแม่อยู่เลย ตลอดเวลาเราไม่เคยมีเรื่องเสียทางลบ
 
เรื่องความรักในชีวิต
< คุณพิสมัย > ชีวิตครอบครัวผ่านความล้มเหลว เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้ยึดติดอะไร คนเราจะโชคดีเสียทุกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ งานดี ชีวิตส่วนตัวอาจจะไม่ดีก็ได้ ก็อายุป่านนี้แล้วจะทำยังไงหล่ะ

คลิกเพื่อกลับหน้าหลัก